ไม่ใช่แค่คลิก! วัดผล Google Ads แบบโปรด้วย Conversion และ ROAS

หยุดวัดผล Google Ads แค่ยอดคลิก! เรียนรู้วิธีใช้ Conversion Tracking และ ROAS เพื่อวัดผลกำไรที่แท้จริง และเปลี่ยนงบโฆษณาเป็นการลงทุน

แคมเปญ Google Ads ของคุณกำลังไปได้สวย… ยอดคลิกพุ่งกระฉูด, Click-Through Rate (CTR) สูงลิ่ว, อันดับโฆษณาก็ดูดี คุณอาจรู้สึกว่านี่คือความสำเร็จ แต่เมื่อต้องตอบคำถามที่สำคัญที่สุดจากฝ่ายบริหารหรือจากตัวคุณเองว่า “แล้วเราทำกำไรจากโฆษณานี้จริงๆ หรือเปล่า?” คุณกลับเริ่มไม่แน่ใจ

นี่คือจุดเปลี่ยนที่แยกนักการตลาดมือสมัครเล่นออกจากมืออาชีพครับ มือสมัครเล่นจะหมกมุ่นอยู่กับ “Vanity Metrics” หรือ “ตัวเลขสวยแต่กลวง” อย่างยอดคลิกและยอดวิว ในขณะที่มืออาชีพจะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปและโฟกัสที่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้จริง

บทความนี้จะพาคุณก้าวข้ามการนับคลิกไปสู่โลกของการวัดผลแบบมือโปร เราจะเจาะลึก 2 เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่จะเปลี่ยนวิธีที่คุณมอง Google Ads ไปตลอดกาล นั่นคือ Conversion Tracking และ ROAS (Return On Ad Spend) เพื่อให้คุณสามารถตอบได้อย่างเต็มปากว่า เงินทุกบาทที่ลงไปนั้น สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมาอย่างไร

ก้าวแรกสู่การเป็นมือโปร: เลิกบูชายอดคลิก (Moving Beyond Clicks)

ลองจินตนาการว่าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร การวัดผลแคมเปญด้วยยอดคลิก (Clicks) หรือ CTR ก็เหมือนกับการนับแค่ “จำนวนคนที่เดินเข้าร้าน” ซึ่งมันก็ดูดี แต่ไม่ได้บอกเลยว่ามีกี่คนที่สั่งอาหาร, มีกี่คนที่จ่ายเงิน, และร้านของคุณทำกำไรได้จริงหรือไม่

  • CTR สูง อาจหมายถึงข้อความโฆษณาของคุณน่าสนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่คลิกเข้ามาคือลูกค้าตัวจริง
  • CPC (Cost Per Click) ต่ำ อาจดูดีในรายงาน แต่ถ้าคลิกเหล่านั้นไม่เคยสร้างยอดขายหรือติดต่อเข้ามาเลย มันก็คือการเสียเงินฟรีอยู่ดี

มือโปรจะเปลี่ยนคำถามจาก “เราจะทำให้คนคลิกโฆษณาได้เยอะที่สุดและถูกที่สุดได้อย่างไร?” ไปเป็น “เราจะหาคลิกที่สร้าง ‘มูลค่า’ ให้กับธุรกิจได้มากที่สุดได้อย่างไร?” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการใช้ Conversion Tracking

ส่วนที่ 1: Conversion Tracking – เข็มทิศชี้ทางสู่ “การกระทำที่สำคัญ”

Conversion Tracking คือการติดตั้งระบบเพื่อติดตามว่าเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของคุณแล้ว พวกเขาได้ทำ “การกระทำที่มีค่า” บนเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ มันคือการเชื่อมโยงระหว่างโลกของโฆษณากับโลกของธุรกิจจริง

นิยามของ “Conversion” ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม

Conversion ไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว มืออาชีพจะแบ่งมันออกเป็น 2 ระดับ:

  1. Macro-Conversions (เป้าหมายหลัก): นี่คือเป้าหมายสูงสุดของธุรกิจคุณ เป็นการกระทำที่สร้างรายได้โดยตรง เช่น
    • การสั่งซื้อสินค้าสำเร็จ (Purchase)
    • การกรอกฟอร์มขอใบเสนอราคา/ติดต่อกลับ (Lead Form Submission)
    • การกดปุ่มโทรศัพท์ (Phone Call Clicks)
  2. Micro-Conversions (เป้าหมายรอง): นี่คือการกระทำเล็กๆ ที่แสดงถึงความสนใจของลูกค้า แม้ยังไม่สร้างรายได้ในทันที แต่เป็นสัญญาณที่ดีและมีค่าในการนำไปวิเคราะห์หรือทำ Remarketing ต่อ เช่น
    • การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า (Add to Cart)
    • การสมัครรับข่าวสาร (Newsletter Signup)
    • การดาวน์โหลดโบรชัวร์/E-book
    • การดูวิดีโอเกิน 75%

The Game Changer: การวัด “มูลค่า” ของ Conversion (Conversion Value)

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดในการยกระดับการวัดผล คุณต้องบอก Google ให้ได้ว่าแต่ละ Conversion ที่เกิดขึ้นนั้นมี “มูลค่า” เป็นเงินเท่าไหร่

  • สำหรับธุรกิจ E-commerce: ง่ายที่สุด เพราะมูลค่าก็คือ “ยอดขาย” ของสินค้านั้นๆ คุณสามารถตั้งค่าให้ระบบดึงราคาสินค้าที่ขายได้ในแต่ละครั้งมาเป็น Conversion Value ได้โดยอัตโนมัติ (Dynamic Conversion Value)
  • สำหรับธุรกิจบริการ/Lead Generation: นี่คือสิ่งที่ท้าทายแต่จำเป็นต้องทำ คุณต้องคำนวณมูลค่าของ “ว่าที่ลูกค้า” (Lead) 1 คน เช่น
    • คุณรู้ว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ในทุกๆ 10 คนที่กรอกฟอร์มเข้ามา จะมี 1 คนที่ปิดการขายได้
    • ลูกค้า 1 คน สร้างกำไรให้บริษัทเฉลี่ย 10,000 บาท
    • ดังนั้น มูลค่าของ Lead 1 คน = 10,000 บาท / 10 Leads = 1,000 บาท
    • คุณสามารถตั้งค่าใน Google Ads ได้เลยว่าทุกครั้งที่เกิด Conversion “การกรอกฟอร์ม” ให้มีมูลค่าเท่ากับ 1,000 บาท

การทำเช่นนี้จะทำให้ Google รู้ว่า Conversion ไหนมีค่ามากกว่ากัน และจะพยายามหาคนที่มีแนวโน้มจะสร้าง Conversion ที่มีมูลค่าสูงมาให้คุณ

ส่วนที่ 2: ROAS (Return On Ad Spend) – ไม้บรรทัดวัด “ความคุ้มค่า”

เมื่อคุณติดตั้ง Conversion Tracking พร้อม “มูลค่า” ได้แล้ว คุณก็พร้อมสำหรับก้าวต่อไปที่ทรงพลังที่สุด นั่นคือการวัดผลด้วย ROAS

ROAS 101: สูตรคำนวณความมั่งคั่ง

ROAS ย่อมาจาก Return On Ad Spend หรือ “ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา” มันคือตัวชี้วัดที่บอกว่าเงินทุกบาทที่คุณจ่ายค่าโฆษณาไปนั้น สร้างรายได้กลับคืนมาให้คุณกี่บาท

สูตร:

ROAS=(ค่าใช้จ่ายโฆษณาทั้งหมดรายได้ทั้งหมดจากโฆษณา (Conversion Value)/ค่าใช้จ่ายโฆษณาทั้งหมด​)×100%

ตัวอย่างง่ายๆ:

  • คุณจ่ายค่าโฆษณา Google Ads ไป 10,000 บาท
  • เว็บไซต์ของคุณสร้างยอดขาย (Conversion Value) ที่มาจากโฆษณานี้ได้ทั้งหมด 50,000 บาท
  • ROAS = (50,000 / 10,000) x 100% = 500%

ROAS 500% หมายความว่า เงินทุกๆ 1 บาทที่คุณลงโฆษณาไป คุณได้เงินกลับมา 5 บาท

ทำไม ROAS ถึงเป็นสุดยอดเมตริก?

  • ROAS vs. CPA (Cost Per Acquisition): CPA บอกคุณว่า “ต้นทุนในการได้ลูกค้า 1 คนคือเท่าไหร่” ซึ่งก็ดี แต่ถ้าคุณขายสินค้าหลายราคาล่ะ? CPA 500 บาทอาจจะดีมากสำหรับสินค้าที่ขายได้ 5,000 บาท แต่จะแย่มากสำหรับสินค้าที่ขายได้แค่ 400 บาท… ROAS แก้ปัญหานี้ได้ เพราะมันโฟกัสที่ “ผลตอบแทน” ไม่ใช่แค่ “ต้นทุน”
  • ROAS ช่วยให้ตัดสินใจได้เฉียบคม: คุณอาจมี 2 แคมเปญ
    • แคมเปญ A: CPA 200 บาท สร้างยอดขาย 1,000 บาท (ROAS 500%)
    • แคมเปญ B: CPA 500 บาท สร้างยอดขาย 5,000 บาท (ROAS 1,000%)
    • ถ้าดูแค่ CPA คุณอาจจะคิดว่าแคมเปญ A ดีกว่า แต่ถ้าดูที่ ROAS จะเห็นชัดเจนว่าแคมเปญ B คือแคมเปญที่ “ทำกำไร” ให้ธุรกิจได้มากกว่า และควรจะเพิ่มงบให้แคมเปญนี้

การนำ ROAS ไปใช้งานจริง: กลยุทธ์การเสนอราคา “Target ROAS (tROAS)”

เมื่อคุณมีข้อมูล Conversion Value มากพอ คุณสามารถปลดล็อกกลยุทธ์การเสนอราคาที่ฉลาดที่สุดของ Google ได้ นั่นคือ Target ROAS (tROAS)

มันคือการที่คุณบอก Google ไปเลยว่า “ฉันต้องการผลตอบแทน (ROAS) ที่ X%” จากนั้น AI ของ Google จะปรับราคาประมูลของ Keyword แต่ละคำแบบเรียลไทม์ เพื่อพยายามหาคลิกที่จะทำให้คุณไปถึงเป้าหมาย ROAS ที่ตั้งไว้ให้ได้มากที่สุด นี่คือการเปลี่ยนจากการทำงานแบบ Manual ไปสู่การให้ AI ช่วยหา “กำไร” ให้กับคุณโดยอัตโนมัติ

สรุปสาระสำคัญ: เปลี่ยนโฆษณาจาก “ศูนย์รวมค่าใช้จ่าย” เป็น “ศูนย์สร้างกำไร”

การเดินทางจากการวัดผลแบบมือสมัครเล่นไปสู่มืออาชีพ คือการเปลี่ยนมุมมองจากการโฟกัสที่ “ต้นทุน” (Cost) ไปสู่การโฟกัสที่ “ผลตอบแทน” (Return)

  1. หยุดหมกมุ่นกับยอดคลิก: มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทาง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
  2. ติดตั้ง Conversion Tracking อย่างละเอียด: นิยามและติดตาม “ทุกการกระทำที่มีค่า” ทั้งเป้าหมายหลัก (Macro) และเป้าหมายรอง (Micro)
  3. กำหนดมูลค่า (Conversion Value) ให้ทุก Conversion: นี่คือสะพานเชื่อมระหว่างข้อมูลการตลาดกับข้อมูลทางธุรกิจ
  4. ใช้ ROAS เป็นดาวเหนือในการตัดสินใจ: วัดความสำเร็จของแคมเปญจาก “ความสามารถในการทำกำไร” ไม่ใช่แค่ “ความสามารถในการดึงดูดคน”
  5. ใช้ tROAS Bidding เพื่อขยายผล: เมื่อมีข้อมูลมากพอ ให้ AI ช่วยคุณขยายผลและสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

เหตุผลที่ต้องทำทั้งหมดนี้ก็เพราะว่ามันคือวิธีเดียวที่จะเปลี่ยน Google Ads จาก “ศูนย์รวมค่าใช้จ่าย” ที่คาดเดาไม่ได้ ให้กลายเป็น “เครื่องจักรสร้างการเติบโต” ที่คุณสามารถลงทุนเพิ่มได้อย่างมั่นใจ เพราะคุณรู้ว่าเงินทุกบาทที่ใส่เข้าไปจะงอกเงยเป็นผลกำไรที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเลขกลับมาสู่ธุรกิจของคุณ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำถามที่ 1: ถ้าธุรกิจของผมเป็นธุรกิจบริการ ไม่ได้ขายของออนไลน์ จะวัด ROAS ได้อย่างไร?

คำตอบ: ทำได้แน่นอนครับ โดยใช้วิธีคำนวณ “มูลค่าของว่าที่ลูกค้า” (Lead Value) ตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลจากฝ่ายขายของคุณ เช่น อัตราการปิดการขาย (Close Rate) และมูลค่าเฉลี่ยของลูกค้าหนึ่งราย (Average Customer Value) แม้จะเป็นตัวเลขประเมิน แต่มันก็ดีกว่าการไม่มีข้อมูลอะไรเลย และช่วยให้คุณเห็นทิศทางความคุ้มค่าของแคมเปญได้

คำถามที่ 2: ต้องมีจำนวน Conversion เท่าไหร่ถึงจะเริ่มใช้กลยุทธ์ Target ROAS (tROAS) ได้?

คำตอบ: ตามคำแนะนำของ Google คุณควรมี Conversion อย่างน้อย 15 ครั้งใน 30 วันล่าสุดสำหรับแคมเปญนั้นๆ แต่ในทางปฏิบัติ ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ (เช่น 50+ Conversions) AI ก็จะยิ่งเรียนรู้และทำงานได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในช่วงแรกควรเน้นเก็บข้อมูลด้วยกลยุทธ์อื่นก่อน เช่น Maximize Conversion Value

คำถามที่ 3: ระหว่าง Conversion Tracking กับ ROAS อะไรสำคัญกว่ากัน?

คำตอบ: Conversion Tracking คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและต้องทำเป็นอันดับแรก มันคือรากฐานของทุกสิ่ง คุณไม่สามารถมี ROAS ได้ หากคุณไม่ได้ติดตั้ง Conversion Tracking ที่มีการกำหนดมูลค่า (Conversion Value) ไว้อย่างถูกต้อง ดังนั้นลำดับคือ: 1. ติดตั้ง Conversion Tracking ให้สมบูรณ์ 2. เริ่มวิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงแคมเปญ 3. ใช้ข้อมูลจาก Conversion Value มาคำนวณ ROAS เพื่อวัดความสามารถในการทำกำไร


การวัดผลแบบมืออาชีพคือหัวใจของแคมเปญที่ทำกำไร… แต่การตั้งค่าทั้งหมดนี้อาจดูซับซ้อนและใช้เวลา

รับทำโฆษณา Google Ads ที่ Pui Digital Marketing เราไม่ได้แค่สร้างโฆษณา แต่เราสร้าง ‘ระบบวัดผล’ ที่แข็งแกร่ง เราเชี่ยวชาญการติดตั้ง Conversion Tracking และการทำแคมเปญโดยมี ROAS เป็นเป้าหมายหลัก

ให้เราช่วยเปลี่ยน Google Ads ของคุณจาก ‘ศูนย์รวมค่าใช้จ่าย’ ให้กลายเป็น ‘ศูนย์สร้างกำไร’ ที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเลข

รับทำโฆษณา Google Ads I ด้วยทีมงานมืออาชีพ

ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษา และดูว่าเราจะช่วยให้โฆษณาของคุณสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้อย่างไร

โทร: 0996203308
Line ID: @puidigitalmkt
คลิกลิงก์แอดไลน์: https://line.me/R/ti/p/@puidigitalmkt

Share your love